วันพุธที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2558

ตอน เส้นทาง(ไม่ลัด)ของ ATC ภาค 1


บทความคัดลอกจากเพจ แบไต๋ ATC  ( โพสเมื่อ 26 ส.ค. 2557 )


     เชื่อว่าทุกสาขาอาชีพและทุกความสำเร็จนั้นเส้นทางคงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเป็นแน่   ATC ก็เช่นเดียวกันครับ กว่าจะเรียนรู้ฝึกฝนเพื่อหล่อหลอมให้คนธรรมดาซึ่งไม่มีความรู้ทางด้านนี้มาก่อนสามารถปฏิบัติงานด้วยความปลอดภัยมันต้องใช้เวลาเป็นแรมปี ต้องเหนื่อยและผ่านอุปสรรคมากมายเรียกว่าสาหัสก็ว่าได้เลยครับ  
     แต่น้องๆที่อยากมาทำงานตรงนี้ไม่ต้องกลัวไปก่อนนะครับเพราะไม่มีอะไรเอาชนะความพยายามของคนเราได้หรอกครับ จริงมั้ย แล้วไอ้ที่ว่ายากและใช้เวลานานเนี่ย พูดแค่นี้คงมองไม่เห็นภาพแน่ มาเดินทาง(ไม่ลัด)ไปด้วยกันดีกว่าครับ

     เจ้าหน้าที่ ATC ในประเทศไทยส่วนใหญ่นั้นจะสังกัดบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงคมนาคมครับ จะมีบางส่วนที่เป็นพี่ๆ ATC ทหารซึ่งจะประจำอยู่ตามสนามบินทหารหรือสนามบินร่วมระหว่างทหารกับพลเรือน  โดยบริษัทวิทยุจะเปิดรับสมัครบุคคลเพื่อเข้ารับการทดสอบทุกปีครับ จำนวนที่รับก็แล้วแต่ความต้องการในปีนั้น โดยส่วนใหญ่ที่ผ่านมาก็จะรับรุ่นละไม่เกิน 20 คนครับ ผู้สมัครจะต้องอายุไม่เกิน 27 ปี สัญชาติไทย ข่าวดีก็คือจบ ป.ตรีสาขาอะไรก็ได้ครับมาสมัครได้หมด แต่ต้องมีผลสอบ TOEIC 650 คะแนนขึ้นไปนะครับ 

     การสอบจะแบ่งเป็น 5 ด่านอรหันต์ ด่านแรกคือการสอบข้อเขียน มีข้อสอบ 3 ชุด ชุดละ 50 ข้อ แบ่งเป็น วิชาคณิตศาสตร์+ฟิสิกส์ , วิชาความถนัด(Aptitute) , ความรู้ทั่วไปและความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ โดยให้เวลาทำ 3 ชม. อันนี้ต้องบริหารเวลาให้ดีนะจ๊ะ
     หากผ่านรอบแรกมาแล้วรอบสองก็เป็นคิวของการสอบพิมพ์ดีดแล้วครับ รอบนี้ถือว่าไม่ยากเพราะโปรแกรมที่ใช้สอบก็หาซื้อได้ทั่วไปมาซ้อมกันก่อน โดยจะต้องพิมพ์ให้ได้ 25 คำต่อนาที ไม่ยากเนอะแต่มีคนตกนะ หุหุ เราต้องคุมอารมณ์ให้ได้เพราะถ้าตื่นเต้นจนมือสั่นระทวย เรื่องง่ายก็กลายเป็นเรื่องยากได้เหมือนกันนะ

     ผ่านด่านสองมาได้แล้วด่านสามก็เป็นคิวของการตรวจร่างกายและการสอบวัดความถนัดที่สถาบันเวชศาสตร์การบิน โรงพยาบาลภูมิพลครับ รอบนี้แค่เป็นตัวของตัวเองก็พอ เพราะเค้าใช้ข้อสอบเชิงจิตวิทยามาคัดกรองเบื้องต้นว่าเรามีความถนัดที่จะเป็น ATC ได้หรือไม่ หากไม่ผ่านก็ไม่ต้องคิดมากนะครับเพราะไม่ได้หมายความว่าเราไม่เก่ง เราแค่ไม่ถนัดในอาชีพนี้ก็เท่านั้นเอง  ผมเองก็ไม่ใช่คนเก่ง หรือออกจะไม่เก่งด้วยซ้ำไป5555+

     และแล้วก็มาถึงอรหันต์ด่านที่สี่ ด่านนี้ดูเหมือนไม่ยากแต่ขุนพลต้องมาตกม้าตายในด่านนี้กันไม่น้อยเหมือนกัน เพราะด่านนี้คือ..ด่านสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษ แฮะๆ .. เนื่องมาจากองค์กรการบินระหว่างประเทศ(ICAO) ได้แบ่งระดับทักษะทางภาษาอังกฤษออกเป็น 6 ระดับ โดยนักบินและ ATC จะต้องสอบผ่านในระดับ 4(Level 4)ขึ้นไป ดังนั้นเราจึงต้องมาสอบในอรหันต์ด่านนี้เพื่อให้แน่ใจว่าเมื่อเข้ามาทำงานกับบริษัทแล้วคุณจะต้องสอบผ่าน Level 4 แน่ๆ  มิฉนั้นก็ปฏิบัติงานไม่ได้ตามที่กฎหมายการบินกำหนดด้วยประการทั้งปวงนะคร้าบ

     ผ่านมาถึงด่านสุดท้ายแล้ว หันซ้ายหันขวาทำไมเหลือคนน้อยจัง รู้สึกเหงาพิลึก และต้องออกตัวไว้ก่อนว่าที่จะเล่านี่ ประสบการณ์ส่วนตัวล้วนๆนะจ๊ะ เพราะที่ถามคนอื่นมา แต่ละคนเจอไม่เห็นเหมือนกันเลย บางคนบอกว่าสนุกดี เน้นฮา บางคนเรียบๆเรื่อยๆ ส่วนของผมนี่ขอบอกว่ามันส์มาก ด่านที่ว่านี้คือด่านสัมภาษณ์กับคณะกรรมการประมาณ 4-5 คน โดยกรรมการจะแบ่งเป็นฝ่ายบู๊กับฝ่ายบุ๋น หรือฝ่ายโหดกับฝ่ายใจดีว่างั้น แต่บางคนก็นั่งนิ่งๆทำหน้ายิ้มๆนะ อันนี้ผมว่าน่ากลัวสุดเพราะไม่รู้ว่าในใจท่านกำลังคิดอะไร 555 การสัมภาษณ์ในรอบนี้จะใช้เวลาประมาณ 40-50 นาทีโดยเฉลี่ย คำถามก็เริ่มจากซักถามประวัติ หลังจากนั้นคำถามอื่นก็จะพรั่งพรูตามมา ตอบคำถามคนแรกยังไม่ทันเสร็จอีกคนก็เริ่มถามต่อ กดดันกันแบบสุดๆ มีให้คิดเลขในใจแล้วก็ต้องตอบคำถามอื่นไปด้วย อาจเป็นเพราะในการทำงานจริงบางครั้งเครื่องบินเข้ามาติดต่อพร้อมๆหรือใกล้เคียงกันหลายลำ แทบไม่ได้หยุดพูดหรือมีเวลาให้คิดมากนัก เราจึงต้องบริหารจัดการความเครียด จัดลำดับความคิดและจัดลำดับความสำคัญให้ได้ครับ เรียกว่าต้องทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ทั้งตาดูหูฟังสมองคิดปากพูดมือขวาจดมือซ้ายกดปุ่ม ประมาณนั้นเชียวหล่ะ  

     และที่สำคัญคือการควบคุมอารมณ์ ไม่หงุดหงิดเมื่อโดนกดดัน ไม่ประหม่าตกใจจนเกินควรเมื่อเกิดเหตุการณ์คับขันหรือเร่งเร้า เพราะในสถาณการณ์จริงหาก ATC ตกใจจนสติหลุดลมปรานแตกซ่าน อันนี้ท่านผู้โดยสารและนักบินที่เคารพก็คงสนุกไม่ออกเป็นแน่ ฟันธง!!  มันก็คงเป็นเหตุผลให้การสอบสัมภาษณ์ถึงต้องออกมาประมาณนี้กระมัง สรุปเดินออกจากห้องสอบแบบมึนๆเพราะโดนท่าดูดวิญญาณของคณะกรรมการเข้าไป ดีที่ยังคุมสติตอบคำถามและเดินออกมาจากห้องสอบได้ 555 และแล้วก็กลับบ้านนอนตีพุงรอฟังผลครับ

     ทั้งหมดนี้ตั้งแต่ขั้นตอนการรับสมัครจนประกาศผลรอบสุดท้ายก็กินเวลาประมาณ 5-6เดือนกันเลยทีเดียว เห็นมั้ยครับ แค่กระบวนการค้นหาดาวรุ่งดวงใหม่มาเป็น ATC ก็ยังกินเวลานานเลย แล้วกระบวนการฝึกอบรมจะเป็นยังไงต้องคอยติดตามกันต่อในภาคที่สองนะครับ สำหรับวันนี้ โชคดีมีชัยกันทุกๆท่าน สวัสดีครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น